อัจฉริยภาพด้านดนตรีเริ่มที่การฟิตสมอง

 

หากลูกของคุณมีความใฝ่ฝันอยากจะเป็นนักดนตรีที่ประสบความสำเร็จในอนาคต นี่คือตัวอย่างของสิ่งที่เด็กๆต้องเผชิญอย่างเลี่ยงไม่ได้

 

  • อ่านโน้ตดนตรีขนาดสั้นและยาวด้วยช่องจังหวะและสัญลักษณ์เฉพาะและต้องอ่านให้ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำพร้อมๆกับเล่นเครื่องดนตรีไปด้วย
  • จับจังหวะทำนองเพลงที่เร็วและช้าแตกต่างกันในแต่ละช่วง
  • จับอารมณ์ของท่วงทำนองและคำร้อง และถ่ายทอดออกมาผ่านความหนักเบาในการเล่นเครื่องดนตรี
  • จำเนื้อร้อง หรือโน้ตดนตรีขนาดยาว
  • เทคนิคหลากหลายในการเล่นเครื่องดนตรี ฯลฯ

จะเห็นได้ว่าการเล่นดนตรีไม่ใช่เรื่องของการฟังและขยับมือตามเท่านั้น ทั้งนี้เพราะหลายคนไม่เคยรู้ว่าการเรียนรู้ด้านดนตรีจริงๆแล้วต้องใช้สมองหลายด้านควบคู่กัน ทั้งส่วนที่ควบคุมเรื่องสมาธิ ความจำ การแยกแยะโทนเสียง การตอบสนองต่ออารมณ์ของทำนองและเนื้อร้อง และส่วนที่ควบคุมการเคลื่อนไหวในการจับเครื่องดนตรีด้วย ดังเช่นที่แสดงในภาพต่อไปนี้

 

 

เมื่อเด็กคนหนึ่งต้องใช้ทักษะทั้งหลายเหล่านี้พร้อมๆกัน คำถามคือเด็กจะสามารถจัดระเบียบความคิด สมาธิ
 และร่างกายของตัวเองให้สามารถขับเคลื่อนไปพร้อมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่?

คำตอบก็คือ “ได้”แต่ความเป็นไปได้ดังกล่าวต้องเริ่มจากวิธีเข้าใจการใช้สมรรถภาพของเด็กให้ถูกต้อง นั่นก็คือ สิ่งแรกที่ผู้ปกครองควรทำไม่ใช่การฝึกให้เด็กท่องจำโน้ตเพลง คำร้องยาวๆ หรือโยนเครื่องดนตรีให้เด็กจับทันทีโดยที่เด็กไม่มีทักษะ ความเคยชิน หรือความเข้าใจที่ถูกต้องต่อลักษณะเฉพาะของเครื่องดนตรีแต่ละประเภท แต่สิ่งที่ควรทำก็คือการเตรียมความพร้อมให้ร่างกายและสมองของเด็กให้อยู่ในสภาพพร้อมต่อการเรียนรู้เสียก่อน

การเตรียมความพร้อมนี้เปรียบได้กับการเตรียมตัวก่อนออกเดินทางไกล ซึ่งในการเดินทางแต่ละครั้ง สิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่การมองว่าจะไปถึงจุดหมายปลายทางได้อย่างไร แต่คือการตรวจเช็คสภาพพาหนะที่จะนำเราไปสู่เป้าหมายว่าอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานหรือไม่ เพราะหากเครื่องยนต์ไม่พร้อม ก็อาจเกิดปัญหาจุกจิกกวนใจระหว่างทาง ทำให้ต้องหงุดหงิด ซ้ำยังทำให้ไปถึงจุดหมายล่าช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้อีกด้วย

สรุปได้ว่าหากพาหนะที่เราจะใช้เพื่อนำไปสู่เป้าหมายไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ ต่อให้ใฝ่ฝันและลงแรงมากแค่ไหนก็คงไม่มีทางถึงเส้นชัยเป็นแน่ ซึ่งพาหนะของลูกๆในที่นี้ก็คือสมองและสองมือของเขานั่นเอง

ถึงตรงนี้คุณพ่อคุณแม่คงเริ่มสงสัยกันแล้วใช่ไหมว่าท้ายที่สุดแล้วการพัฒนาร่างกายและสมองจะให้ผลลัพธ์ในทางการเรียนรู้และทางปฏิบัติจริงได้อย่างไร? นี่คือผลลัพธ์คร่าวๆที่เด็กจะทำได้หากได้รับการพัฒนาสรรถภาพของทั้งสองด้านอย่างถูกวิธี

 

 

  • เมื่อเด็กลงมือปฏิบัติจริง จะสามารถเรียนรู้ทั้งเทคนิคและใช้ไหวพริบปฏิภาณได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
  • เรียนรู้ไวกว่าเด็กคนอื่นๆ
  • มีสมาธิ จดจำทำนอง คำร้อง จังหวะ และเทคนิคการเล่นดนตรีได้อย่างรวดเร็ว
  • เก็บเป็นความจำระยะยาว
  • มีทักษะการใช้ร่างกายและสมองสัมพันธ์กัน
  • มีโอกาสพัฒนาเป็นอัจฉริยะด้านดนตรี ฯลฯ

เพื่อที่จะให้ลูกๆของคุณมุ่งไปสู่ความฝันที่จะเป็นนักดนตรีระดับแถวหน้าได้ คุณพ่อคุณแม่ควรมอบโอกาสในการฝึกฝนสมองและร่างกาย อันเป็นเครื่องมือหลักที่จะนำลูกไปสู่ความสำเร็จ โดยสามารถติดต่อขอรับคำปรึกษาและข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคอร์สการฝึกเพื่อพัฒนาสมองและร่างกายได้ที่ BrainFit Studio ที่นี่เรามีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มีความรู้ความเข้าใจคอยให้คำปรึกษาฟรี โทร 02-656-9938 นอกจากคุณพ่อคุณแม่ทุกท่านจะได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วน และชัดเจนแล้ว ท่านยังมีโอกาสเข้าร่วมฟังข้อมูลเกี่ยวกับการพัฒนาสมองและร่างกายสำหรับเด็กๆโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น

ขอขอบคุณรูปภาพจาก http://surabaya.wartakesehatan.co.id/uploads/content/surabaya/29.-Audiology-Headphones.jpg

ขอขอบคุณรูปภาพจาก http://joebaraban.com/blog/wp-content/uploads/2011/11/girl-playing-the-piano1.jpg

Contact Us

If you would like to have your child attend our course, or you would simply like more information, please contact us today.

BrainFit Studio Thailand 2nd floor, Ploenchit Center,
Sukhumvit Soi 2, Bangkok 10110BTS Ploenchit Station Exit 4