5 วิธีกระตุ้นพัฒนาการสมองของลูกรัก คลาสสิก แต่เห็นผล!

 

5 วิธีกระตุ้นพัฒนาการสมองของลูกน้อย

คลาสสิก .. แต่เห็นผล!

 

“ การพัฒนาสมองลูกน้อยให้แข็งแรง ก็เหมือนเป็นการปูทักษะพื้นฐานชีวิตในการเรียนรู้

ให้เขาพร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่อยู่เสมอ ”

 

                วัยเด็ก ถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของชีวิต หากคิดจะส่งเสริมพัฒนาการทางสมอง เพราะหากเด็กมีการพัฒนาสมองที่ดีอย่างต่อเนื่อง และถูกวิธี จะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้เขาเติบโตขึ้นอย่างมีคุณภาพ ซึ่งการพัฒนาสมองนั้นสามารถทำได้โดย ผ่านการเลี้ยงดู การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และพักผ่อนให้เพียงพอ ซึ่งถ้าสมองมีพัฒนาการที่ดีสมวัยแล้ว จะนำไปสู่การสร้างพัฒนาการทางความฉลาด และสมองที่ดีของลูกน้อย เมื่อเขาเติบโตขึ้น กิจกรรมต่างๆที่เขาทำ ก็มีส่วนช่วยให้เด็กมีพัฒนาการทางสมองที่ดีเช่นกัน แต่การพัฒนาสมองให้ลูกนั้นไม่ควรจะกดดัน และหรือคาดหวังมากจนเกินไป แต่ควรจะทำกิจกรรมไปกับลูก ด้วยความรัก และความสนุกสนานอย่างเต็มที่ จะช่วยให้ลูกสัมผัสได้ว่า นี่ไม่ใช่การบังคับ แต่เป็นการสร้างความสุข และความปรารถนาดี เพื่อให้ลูกอยากที่จะเรียนรู้ และพร้อมพัฒนาสมองไปกับเราค่ะ วันนี้สถาบัน BrainFit ได้รวบรวม 5 เทคนิคในการเพิ่มพลังสมองให้แข็งแรงมาฝาก มีอะไรบ้าง มาดูกัน!

 

  1. การออกกำลังกาย และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ สำคัญอย่างไร?

 

 

“ การออกกำลัง ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของร่างกาย และ เสริมสร้างสมองที่แข็งแกร่งของลูก ”

                การออกกำลังกาย เป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรให้ความสำคัญ เนื่องจากการออกกำลังกายจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกาย กล้ามเนื้อมัดเล็ก และกล้ามเนื้อมัดใหญ่ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อพร้อมสำหรับการเรียนรู้และทำกิจกรรมในทุกๆวัน อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบประสาทสัมผัส พัฒนาการเคลื่อนไหวให้มีความคล่องแคล่ว ช่วยให้สมองส่วนการเรียนรู้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งเสริมสุขภาพจิต และลดความตึงเครียดของเด็กได้อีกด้วย

 

“ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ไม่เพียงแต่เพิ่มพลังให้สมองของเราเท่านั้น แต่ยังช่วยปกป้องสมองของเรา

เพราะประกอบไปด้วย วิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระในการบำรุงสมอง”

 

การทานอาหารที่มีประโยชน์ก็เหมือนเป็นการวางรากฐานของการมีสุขภาพที่แข็งแรง และชีวิตที่ดีในอนาคตของเด็ก การที่เขาทานของที่มีประโยชน์ ครบทั้ง 5 หมู่ จะทำให้เขาได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน และมีโภชนาการที่ดี ซึ่งส่งผลต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย และพัฒนาการทางสติปัญญาที่ดีของลูกน้อย นอกจากนี้ ยังส่งผลดีต่อความสามารถในการเรียนรู้ จดจำ และพัฒนาการตามวัยของลูกอีกด้วย

  1. การนั่งสมาธิ ช่วยเสริมสร้างการจดจ่อ

 

 

 

“ การสร้างสมาธิ ช่วยเสริมความคิด และพัฒนาทักษะทางด้านอารมณ์ ”

                สมาธิคืออะไร?  สมาธิ คือ ความสามารถในการจดจ่อในการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยไม่วอกแวก สามารถจดจ่อกับสิ่งที่ทำ และควบคุมตัวเองให้อยู่นิ่งในสถานการณ์ที่กำลังเผชิญ สมาธิเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการเรียนรู้ใหม่ๆ ในทุกๆอย่าง เพราะทำให้ผู้เรียนสามารถรับเอาข้อมูลมาวิเคราะห์แล้วสร้างความเข้าใจ ส่งผลให้เกิดเป็นการเรียนรู้ได้ “ การนั่งสมาธิ ” เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่จะช่วยเสริมสร้างให้เด็กสามารถจดจ่อ และแนวแน่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้ แต่สำหรับเด็กนั้นอาจจะเป็นเรื่องยากในการที่จะมานั่งสมาธิ ในอิริยาบทที่ค่อนข้างเป็นแบบแผน คุณพ่อคุณแม่อาจจะฝึกให้เขานั่งหลับตานิ่งๆ สัก 5 นาทีก็เพียงพอแล้ว รวมถึงการกำหนดลมหายใจไปด้วย ก็เป็นวิธีหนึ่งที่สำคัญ ที่คนส่วนใหญ่นำมาใช้ในการปรับอารมณ์และเพิ่มความผ่อนคลายให้กับลูกๆได้ดียิ่งขึ้น การมีสมาธิที่ดีจะส่งผลต่อการเรียนรู้ที่ดีในห้องเรียน และการคิดที่เป็นระบบมากขึ้น

 

  1. การเล่นของเล่น

 

“ ของเล่น ช่วยฝึกพัฒนาการที่สำคัญให้ลูกได้ ”

                ของเล่นเด็ก เป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ทุกคนนำมาใช้เพื่อเป็นการสร้างความบันเทิง และเพลิดเพลินให้กับลูกน้อย รวมถึงเป็นตัวกระตุ้นการเรียนรู้ให้เขามีพัฒนาการในวัยเด็กที่สมบูรณ์ โดยการเล่นของเล่นที่พัฒนาทักษะ จะเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับเด็ก เพราะจะช่วยกระตุ้นให้เด็กมีพฤติกรรมรักการเรียนรู้สามารถคิดนอกกรอบได้ ช่วยให้สมองพร้อมเปิดรับสิ่งใหม่ๆอยู่เสมอ ซึ่งของเล่นฝึกพัฒนาการนั้นจะมีหลายประเภท แล้วแต่คุณพ่อคุณแม่เลยว่าอยากที่จะช่วยส่งเสริมพัฒนาการลูกในด้านไหนเป็นพิเศษ

 

 

  1. การอ่านหนังสือกับลูก

 

 

“ การอ่านหนังสืออย่างเป็นประจำ ช่วยฝึกนิสัยรักการอ่านของลูก ”

                การอ่านหนังสือกับลูก ก็เหมือนการสร้างประสบการณ์ให้กับเด็ก ยิ่งอ่านมาก เด็กก็จะมีความรู้มาก รวมถึงการอ่านหนังสือร่วมกับเด็กนั้น ผู้ปกครองสามารถแบ่งปันเรื่องราว เล่าเรื่องที่สนุกสนานกับครอบครัว รวมถึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับคุณพ่อ คุณแม่ ที่จะได้ผ่อนคลายและมีเวลาให้กับลูกมากขึ้น การอ่านหนังสือก่อให้เกิดพัฒนาการในการเรียนรู้ รวมทั้งส่งเสริมนิสัยรักการอ่านที่ดีให้กับลูกตั้งแต่เริ่มต้น ส่งเสริมความคิดและจินตนาการ อีกทั้งยังช่วยพัฒนาในเรื่องของสมาธิ และความสามารถในการจดจ่อ ช่วยให้ลูกเรียนรู้ในเรื่องของลำดับของคำ และทักษะด้านภาษา

 

5. การนอนหลับให้เพียงพอ ส่งผลต่อการพัฒนาสมองอย่างไร

 

 

“ การนอนหลับให้เพียงพอ เป็นสิ่งที่สำคัญต่อพัฒนาการของลูก ส่งผลดีต่อการเจริญเติบโตและฟื้นฟูร่างกาย 

                ระหว่างที่นอนหลับนั้น ร่างกายของเรากำลังพักผ่อน แต่สมองไม่ได้พักผ่อนตามไปด้วยเพราะ ในระหว่างที่เรากำลังหลับ สมองจะทำการเรียงลำดับข้อมูลที่ไปเจอมาในแต่ละวัน และส่งข้อมูลระยะสั้นลงในหน่วยความจำระยะยาว (Long-term memory) การนอนหลับช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย อย่างเช่น เมื่อเราเกิดความรู้สึกไม่สบาย ร่างกายจะส่งสัญญาณให้รู้สึกต้องการนอนมากกว่าปกติ การนอนหลับในระยะเวลาที่เหมาะสม ไม่เพียงแต่จะช่วยให้รู้สึกสดชื่นอารมณ์ดีเท่านั้น แต่ยังช่วยให้เด็กสามารถจดจ่อกับสิ่งที่ทำได้ดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และลดปัจจัยเสี่ยงในการเป็นไข้หวัดอีกด้วย

 

" เด็กส่วนใหญ่ ที่มีอายุตั้งแต่ 6-13 ปี จำเป็นต้องนอน 9-11 ชั่วโมงต่อวัน  ในขณะที่เด็กวัยรุ่น อายุตั้งแต่ 14-17 ควรนอนวันละ 8-10 ชั่วโมงต่อวัน "

 

 ที่ BrainFit เราเล็งเห็นถึงความสำคัญของการส่งเสริมพัฒนาการทางสมองทุกด้านให้เจริญเติบโตอย่างแข็งแรงสมวัย โดยเรามีคอร์สพัฒนาสมองรอบด้านแบบ Whole Brain Training ที่ได้ถูกออกแบบสำหรับการพัฒนาทักษะการเรียนรู้สำหรับนักเรียนอายุ 3-18 ปีโดยเฉพาะ

ติดต่อเพื่อรับคำปรึกษา และทดลองเรียนฟรีได้ที่

โทร 02-656-9938-9, 02-656-9915, 091-774-3769

หรือ Line: @brainfit_th

เพื่อเตรียมสมองของลูกๆ ให้พร้อมเรียนรู้ เเละรับมือกับสถานการณ์ต่างๆอย่างสมวัย มาร่วมสร้างความสำเร็จให้ลูกของคุณได้แล้ววันนี้

ที่ BrainFit Studio

 

 

Contact Us

หากคุณสนใจคอร์สหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อเราได้เลย

BrainFit Studio Thailand ชั้น 2, อาคารเพลินจิตเซ็นเตอร์,
สุขุมวิทซอย 2, กทม. 10110BTS สถานีเพลินจิต ทางออก 4