ลูกไม่กล้าตัดสินใจ ทำอย่างไรดี!?
ลูกไม่กล้าตัดสินใจ ด้วยตัวเองต้องทำอย่างไรดีคะ เวลาถามให้เลือกก็ไม่เลือก ไม่ค่อยอยากตอบคำถาม แม่กังวลมากเลย อยากให้ลูกกล้าแสดงออกและกล้าตัดสินใจมากกว่านี้
เหตุการณ์ที่ผู้ปกครองหลายคนอาจจะเคยเจอ ลูกชอบหลบมุม ไม่ค่อยตอบคำถาม หรือพอให้เลือกก็ไม่ค่อยเลือก ไม่กล้าตัดสินใจ ทำให้ลูกพลาดหลายอย่าง เรามาลองดูกันว่า ปัจจัยต่าง ๆ ที่อาจจะส่งผลให้ ลูกไม่กล้าตัดสินใจ มีอะไรบ้าง ดังนี้
✨พัฒนาการเรื่องกระบวนการคิดเบื้องต้นในแต่ละช่วงวัย✨
✨ความพร้อมและความเข้าใจในเรื่องที่ลูกต้องตัดสินใจ✨
✨การเลี้ยงดูและการเปิดโอกาสในเด็ก ๆ ได้ลองคิด✨
✨การจำกัดทางเลือกในช่วงระยะเวลาการคิดของเด็ก✨
ซึ่งปัจจัยที่กล่าวข้างต้นอาจจะมีผลในเรื่องความกล้าในการตัดสินใจของเด็ก ๆ แล้วเราจะฝึกฝนอย่างไรดีนะ
ลูกไม่กล้าตัดสินใจ เทคนิคนี้ช่วยได้ ลองดูกันเลย!
1. ทำความเข้าใจพัฒนาการทางการคิดของลูกรักเบื้องต้น💪
จากทฤษฎี psychosocial development ของ Eric Erickson ได้กล่าวถึงพัฒนาการความคิดจะพัฒนาขึ้นในช่วงการลองผิด ลองถูก และกล่าวถึงการสร้างความเชื่อมั่นในตัวเองของเด็กที่พ่อแม่ควรตระหนักก็คือ ถ้าเด็กมีโอกาสทำสิ่งต่าง ๆ และได้รับการยอมรับ ให้อิสระในการเลือกทำกิจกรรมต่าง ๆ โดยมีผู้ใหญ่เป็นผู้ให้โอกาสในการซักถามปัญหา เปิดโอกาสให้ทดลองทำกิจกรรมด้วยตนเอง ย่อมเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในตัวเองให้กับเด็กได้เป็นอย่างดี ดังนั้นการเสริมสร้างการกล้าตัดสินใจของลูกรัก สิ่งที่ควรเริ่มต้นคือการเข้าใจพัฒนาการตามช่วงวัยและธรรมชาติของลูกรักเพราะเด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน
2. เปิดใจ เปิดกว้าง เตรียมความพร้อมให้ลูกรัก 💕
การที่ลูกไม่กล้าตัดสินใจ อาจจะเป็นเพราะว่าการชี้นำที่มากเกินไปทำให้ลูกรู้สึกว่าเราไม่จำเป็นต้องตัดสินใจอะไรด้วยตัวเองก็มีหลายคนคอยบอกให้ทำ หรือมีการตัดสินใจให้แทน ส่งผลให้เมื่อลูกรักโตขึ้น ความมั่นใจในการเลือกตัดสินใจต่าง ๆ อาจจะมีน้อย และมีความลังเลในการเลือกสิ่งต่าง ๆ มากขึ้น ดังนั้น การเปิดกว้าง และเปิดใจให้ลูกรักได้ลองใช้ความต้องการหรือการตัดสินใจด้วยตัวเอง ซึ่งสามารถฝึกได้ตั้งแต่เด็ก ๆ เลย เช่น การเลือกอาหารในแต่ละมื้อ การเลือกชุดที่อยากใส่ หรือการเลือกของเล่นที่อยากได้ เป็นต้น ในช่วงแรก ๆ ลูกรักอาจจะแค่ต้องการลองผิด ลองถูก เลือกทำแบบนั้นได้มากน้อยขนาดไหน ซึ่งจะเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับลูกรักเบื้องต้นด้วยเช่นกันค่ะ
3. เปิดโอกาสและเปิดประตูความคิดสร้างสรรค์ให้กับเด็ก ๆ 🚪
ในแต่ละช่วงวัย เด็ก ๆ มีพัฒนาการทางความคิดที่แตกต่างกัน เริ่มจากความคิดเป็นรูปธรรม เข้าสู่นามธรรมและต่อยอดความคิดเชิงตรรกะ ความมั่นใจและการกล้าตัดสินใจของเด็ก ๆ ก็เปลี่ยนแปลงไปได้ตามช่วงวัยเช่นกัน แต่หากมีการเปิดโอกาส หรือเปิดประตูความคิดสร้างสรรค์ให้เด็ก ๆ อย่างเหมาะสมก็จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่จะก้าวเดินต่อไปเรื่อย ๆ เช่น เริ่มต้นตั้งแต่การเล่น การเล่นของเล่นเป็นการช่วยสร้างความคิดสร้างสรรค์สำหรับเด็กในอีกรูปแบบหนึ่ง ช่วยให้เด็กมีความกล้าคิด กล้าทำ มีความมั่นใจและกล้าตัดสินใจมากขึ้น รวมไปถึงเพิ่มความเป็นผู้นำให้กับลูกรักได้อีกด้วย
ตัวอย่างการเล่น การเล่นบอร์ดเกม, การเล่นละเล่นพื้นบ้าน เช่น การเล่นรีรีข้าวสาร งูกินหาง หรือมอญซ่อนผ้า ช่วยในเรื่องการตัดสินใจได้อีกด้วย เพราะในแต่ละการเล่นแฝงในเรื่องของความกล้า กล้าที่จะคิดและกล้าที่จะเลือก และการเคารพกติกา และการเล่นบทบาทสมมติต่าง ๆ เป็นต้น
4. ลดความคาดหวัง เพิ่มความเชื่อมั่นใจ 👍
ไม่ว่าใครล้วนมีความหวัง หวังว่าลูกรักจะเป็นเด็กดี หวังว่าลูกรักจะเรียนเก่ง หวังว่าลูกรักจะมีความเป็นผู้นำ เป็นต้น ซึ่งมีความหวังเป็นเรื่องที่ดีค่ะ หากยอมรับความผิดหวังที่อาจจะเกิดขึ้นได้ เพราะช่วงลองผิด ลองถูก เกิดขึ้นได้ในทุกช่วงวัย ดังนั้น เมื่อเราในฐานะผู้ปกครองรู้ตัวว่าเผลอคาดหวังกับลูกรักมากเกินไป กำลังจะสร้างแรงกดดันให้กับเขา สิ่งที่ทำได้คือ การลดความหวังที่เกิดขึ้น และคอยสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกรักมากขึ้น อย่างเช่น ลูกลองทำไข่เจียวเป็นครั้งแรก บางครั้งเราเผลอคิดว่าครั้งแรกจะทำออกมาสวย น่ากินทันที อาจจะเกิดขึ้นได้จริง ๆ ค่ะ แต่หากไข่เจียวนั้นไหม้ ลูกเผลอทำไข่หล่นแตกเลอะครัว เราเผลอดุลูกในความผิดพลาดครั้งนี้ ส่งผลให้ลูกไม่กล้าตัดสินใจเลือกทำไข่เจียว อาจจะเพราะกลัวโดนดุ เป็นต้น ดังนั้น ความคาดหวังเกิดขึ้นได้เสมอ หากเปลี่ยนจากความคาดหวังให้ทุกอย่างออกมาเพอร์เฟคเป็นการเชื่อมั่นว่าหากผิดพลาด ลูกรักก็จะสามารถรับมือและแก้ไขปัญหาได้ด้วยตัวเอง นั่นถือเป็นจุดสำคัญของการกล้าตัดสินใจของลูกรัก
5. พัฒนาการคิดโดยใช้เทคนิคหมวก 6 สี 👒
เทคนิคการเลือกหมวก 6 สี อาจจะเป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่ผู้ปกครองหลายคนคุ้นเคย โดยการเลือกหมวกทั้ง 6 สีล้วนมีจุดประสงค์ที่แตกต่างกัน และสถานการณ์ที่แตกต่างกัน ซึ่งหมวกทั้ง 6 สีจะเป็นตัวช่วยในเรื่องการสร้างตัวเลือกในการตัดสินใจที่มากขึ้น หากบางครั้งหรือบางเหตุการณ์ที่เป็นเรื่องยากต่อการตัดสินใจ หมวกทั้ง 6 สีมีดังนี้
- หมวกสีขาว (White Hat) ตัวแทนข้อเท็จจริง : ข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงในการประกอบการตัดสินใจแต่ละครั้ง
- หมวกสีแดง (Red Hat) ตัวแทนของอารมณ์และความรู้สึก : ความรู้สึกที่ตรงไปตรงมา ความชอบ ความต้องการ การแสดงออกทางอารมณ์
- หมวกสีดำ (Black Hat) เป็นตัวแทนของความระมัดระวัง : เรื่องอุปสรรคและการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ
- หมวกสีเหลือง (Yellow Hat) เป็นตัวแทนของการแสวงหาทางเลือก : เปิดโอกาสพัฒนาตัวเองโดยการให้ข้อมูลเชิงบวก
- หมวกสีเขียว (Green Hat) เป็นตัวแทนของความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ : ยอมรับการเปลี่ยนแปลง การรับสิ่งใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้น
- หมวกสีน้ำเงิน (Blue Hat) เป็นตัวแทนของการควบคุมความคิดทั้งหมด : เพิ่มความชัดเจน การตัดสินใจที่ตรงไปตรงมาและตรงประเด็น
เทคนิคนี้เป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่ช่วยในเรื่องความกล้าตัดสินใจ โดยในการเลือกหมวกแต่ละสีจะมีความแตกต่างกัน และมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ดังนั้น ความกล้าในการเลือกและความกล้าตัดสินใจอย่างเด็ดขาดจึงเป็นสิ่งที่สามารถพัฒนาได้ผ่านการเลือกหมวกในแต่ละสี
6. ใช้เวลายอมรับความผิดหวังและความผิดพลาด 💖
การที่ลูกรักกล้าตัดสินใจ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าอาจจะเกิดความผิดพลาดในการตัดสินใจนั้น ๆ ดังนั้น เมื่อเปิดโอกาสให้ลูกรักได้ตัดสินใจทำด้วยตัวเองแล้ว ผู้ปกครองเป็นอีกหนึ่งที่พักพิงให้กับความกล้านั้น ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่สำเร็จหรือเป็นเรื่องที่ผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้น การคอยอยู่ข้าง ๆ พร้อมกับพูดคุยให้เวลากับลูกรักได้ยอมรับในเรื่องที่เกิดขึ้นจากการตัดสินใจด้วยตัวเอง คำพูดที่คอยปลอบประโลมที่อิงตามความจริงจะช่วยสร้างเสริมความเข้าใจ และความมั่นใจให้กับลูกรักได้มากขึ้น ไม่ได้ปิดกั้นว่าการที่ลูกรักตัดสินใจนั้นเป็นเรื่องที่ผิดพลาด แต่เป็นการคอยบอกลูกรักว่า
“ไม่ว่าการตัดสินใจในเรื่องใดใด ย่อมมีความผิดพลาดเกิดขึ้น คุณแม่ภูมิใจมากที่หนูมีความกล้าตัดสินใจในเรื่องนี้ เราก็พร้อมที่จะรับมือสิ่งที่เกิดขึ้นไปด้วยกันนะคะ แม่จะคอยอยู่ตรงนี้ หนูบอกได้เลยค่ะว่าหนูจะทำอย่างไรดี หากยังไม่รู้ ขอให้แม่ได้ช่วยคิดนะคะ”
ไม่เพียงแค่ใช้เวลายอมรับความผิดพลาด แต่ยังได้ใช้เวลาคุณภาพในครอบครัวไปด้วยกัน สร้างพลังการตัดสินใจต่อยอดไปในอนาคตข้างหน้า
7. เสริมสร้างพลังบวกโดยการให้กำลังใจ 🥰
การให้คำชมในเรื่องความกล้าตัดสินใจ กล้าเลือก กล้าลองในสิ่งที่ลูกรักอาจจะยังไม่รู้ก็ได้ว่าผลจะเป็นอย่างไร พลังใจจากผู้ปกครองจึงเป็นสิ่งที่มีค่าและสำคัญมาก ไม่ว่าช่วงวัยไหนย่อมอยากได้พลังบวกในการขับเคลื่อน ทั้งในเรื่องของการทำงาน การเรียน หรือแม้กระทั่งการใช้ชีวิตประจำวันก็ตาม
BrainFit Thailand เชื่อในศักยภาพของเด็ก ๆ ทุกคนที่สามารถพัฒนาได้ในทุก ๆ ทักษะ ทั้งเรื่องวิชาการ ชีวิตประจำวัน และรับมือกับอารมณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวันได้ หากได้รับการฝึกฝนอย่างเหมาะสม ซึ่งทางเรามีคอร์สมากมายมาแนะนำกับผู้ปกครอง หากสนใจติดต่อได้ที่นี่เลยค่ะ😊
จันทร์ อังคาร พุธ เสาร์ และ อาทิตย์
02-656-9938 / 02-656-9939 / 02-656-9915
วันพฤหัสบดี-วันศุกร์ 091-774-3769