ลูกซนขนาดไหน ถึงจัดว่าเป็นสมาธิสั้น

 

ลูกซนแค่ไหนถึงจัดว่าเป็น สมาธิสั้น

           สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกเป็นโรคสมาธิสั้นควรทำความเข้าใจกับธรรมชาติของโรค และใช้ข้อดีของโรคให้เป็นประโยชน์  โรคสมาธิสั้นไม่ได้น่ากลัวหรือไม่มีทางรักษาได้อย่างที่คิด เด็กสมาธิสั้นสามารถมีพัฒนาการที่ดีขึ้นได้และสามารถปรับตัวกลับมาเป็นเด็กที่มีสมาธิเหมือนเด็กปกติได้ ถ้าหากพ่อแม่รักษาได้อย่างถูกวิธี และต้องรีบรักษาต้องแต่อายุน้อยๆ เพราะถ้าปล่อยจนเด็กโตแล้วการรักษาจะยากขึ้น และนิสัยนี้อาจจะติดตัวเด็กไปตลอด สมาธิสั้นในเด็กจะรักษาง่ายกว่าสมาธิสั้นในผู้ใหญ่ ซึ่งถ้าถึงตรงนั้นอาจส่งผลกระทบกับการใช้ชีวิตได้ในอานาคต 

          อาการสมาธิสั้นดูจากอะไร ซนขนาดไหนถึงจัดว่าเป็น สมาธิสั้น 

          1. การขาดสมาธิ (attention deficit) โดยสังเกตพบว่าเด็กจะมีลักษณะดังนี้

อาการของเด็กที่ขาดสมาธิ คือ ไม่มีสมาธิจดจ้ออะไรนานๆ, ไม่มีความสนใจสิ่งใดสิ่งหนึ่ง, ไม่สนใจเรียนและไม่สามารถเก็บรายละเอียดได้ทำให้ทำงานผิดพลาดบ่อย , ดูเหมือนไม่ค่อยฟังเวลาพูดด้วย, ไม่มีสามารถทำอะไรสองอย่างพร้อมกันได้, ไม่สามารถทำงานที่ครู หรือพ่อแม่สั่งจนสำเร็จได้, หลง ลืมบ่อยๆ หรือชอบทำของหายบ่อยๆ , มีปัญหาหรือพยายามหลีกเลี่ยงงานที่ต้องใช้ความคิดหรือสมาธิ

          2. การซน (hyperactivity) และการขาดความสามารถในการควบคุมตนเอง (impulsivity) เด็กจะมีลักษณะดังนี้

คือ ไม่ชอบอยู่นิ่ง นั่งไม่ติด ลุกเดินบ่อย ๆ, วอกแวก, เหม่อลอย, ควบคุมอารมณ์ไม่ได้, พูดมากพูดไม่หยุด, ตื่นเต้นง่าย ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา, ชอบโพล่งคำตอบเวลาครูหรือพ่อแม่ถาม โดยที่ยังฟังคำถามไม่จบ, ชอบขัดจังหวะหรือสอดแทรกเวลาผู้อื่นกำลังพูดอยู่, รอคอยไม่เป็น, ชอบวิ่ง หรือปีนป่ายสิ่งต่าง ๆ, เล่นเสียงดัง

หากเด็กมีลักษณะในข้อ 1 หรือ 2 รวมกันมากกว่า 6 ข้อ อาการเด็กของท่านมีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นโรคสมาธิสั้น

ด้านการรักษาเมื่อพ่อแม่รู้ว่าลูกเป็นเด็กสมาธิสั้นจะ แก้ไขได้อย่างไรบ้าง การรักษาสามารถรักษาได้ 3 วิธี 

          1. การรักษาทางยา 

ยาจะช่วยให้เด็กมีสมาธิดีขึ้น ซนน้อยลง ดูสงบขึ้น มีความสามารถในการควบคุมตัวดีขึ้น และอาจช่วยให้ผลการเรียนดีขึ้น ผลที่ตามมาเมื่อเด็กได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีคือ เด็กจะมีความรู้สึกมีคุณค่าในตัวเองและดีขึ้นได้
          2. การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการช่วยเหลือทางด้านจิตใจ

ข้อนี้ผู้ปกครองและที่โรงเรียนต้องให้ความเข้าใจเด็กเป็นพิเศษ  เช่น เด็กไม่ชอบอยู่นิ่ง จะกระตือรือร้นอยากทำกิจกรรมต่างๆ อยู่แล้ว ก็พาไปเล่นกีฬานอกบ้าน อยู่โรงเรียนก็ให้ช่วยคุณครูลบกระดาน เดินไปหยิบของให้คุณครู ช่วยคุณครูถือของ เป็นต้น

          3. การบำบัดโดยการพัฒนาสมาธิ การฝึกสมาธิ

สมาธิสั้นเกิดจากการทำงานของสมองส่วนหน้าทำงานน้อยกว่าปกติ สมองส่วนหน้าทำหน้าที่เป็นวงจรที่ควบคุมสมาธิ และการตื่นตัว ควบคุมการรับรู้ การเรียนรู้ ทักษะความชำนาญ ความคิด และความเฉลียวฉลาด สมองส่วนหน้าเปรียบเป็นประธานหรือนายใหญ่ของสมองทั้งหมด จึงเป็นสมองส่วนสำคัญที่สุด ซึ่งการฝึกทักษะพื้นฐานของสมองในแต่ละช่วงวัยนั้นจึงควรได้รับการพัฒนา เพื่อสร้างความแข็งแรงและเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนรู้ได้อย่างต่อเนื่องและถูกวิธี  ซึ่งทักษะที่ส่งผลต่อสมาธิ ได้แก่ ทักษะด้านการฟัง,   ทักษะด้านการมอง, ทักษะด้านการควบคุมการเคลื่อนไหวและประสาทสัมผัส  ทักษะเหล่านี้ฝึกได้ แต่ต้องฝึกอย่างถูกวิธี ผลคือ สมาธิดีขึ้น ที่ สถาบัน BrainFit Studio มีหลักสูตรที่ช่วยพัฒนาสมาธิให้ดีขึ้นได้ ด้วยวิธีการที่ถูกต้อง ผ่านกิจกรรมที่สนุกสนานและผ่านการวิจัยทางประสาทวิทยามาแล้วกว่า 30 ปี ทดลองเรียนฟรีได้ที่ สถาบัน BrainFit Studio
 

 

ขอรับคำปรึกษาได้ฟรี โทร 02-656-9938 – 9 

วันพฤหัสบดี-วันศุกร์ 091-774-3769

BrainFit จัดสัมมนาเกี่ยวกับการพัฒนาสมอง และคอร์สระบบการฝึกของเรา อย่างสม่ำเสมอ

**สำรองที่นั่งล่วงหน้า ที่นั่งมีจำนวนจำกัด**

LINE: @brainfit_th
หรือสามารถกรอกข้อมูลด้านล่าง เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถทำการติดต่อได้ทันทีค่ะ

 

Contact Us

If you would like to have your child attend our course, or you would simply like more information, please contact us today.

BrainFit Studio Thailand 2nd floor, Ploenchit Center,
Sukhumvit Soi 2, Bangkok 10110BTS Ploenchit Station Exit 4