ลูกพูดช้า ทำอย่างไรดี?

 

ลูกพูดช้า ทำอย่างไรดี?

 

          ลูกพูดไม่รู้เรื่อง ต้องเรียกซ้ำ ถามไม่ตอบ ไม่ยอมพูด ลูกพูดช้า ทำอย่างไรดี? ถ้าหากคุณพ่อคุณแม่มีความกังวลเกี่ยวกับอาการเหล่านี้ ไม่ต้องกังวลค่ะ วันนี้ BrainFit Studio จะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับต้นเหตุของการที่ลูกพูดช้าและวิธีแก้ปัญหานี้กัน
          ถ้าลูกของท่านมีอาการข้างต้นที่กล่าวมา เป็นไปได้ว่าเด็กอาจจะมีพัฒนาการทางภาษาล่าช้าเพราะโดยปกติเด็กทารกจะมีพัฒนาการทางภาษาตั้งแต่อายุประมาณ 4-6 เดือน โดยเริ่มจากตอบสนองเมื่อเรียกชื่อ หัวเราะหรือส่งเสียงอ้อแอ้ หลังจากนั้น เมื่ออายุประมาณ 10-12 เดือน จะเริ่มทำท่าทางประกอบคำสั่งและพูดเป็นคำสั้นๆ เช่น บ๊ายบาย หรือ ป๊ะ แม่ และเข้าใจความหมายของคำว่าไม่ หรือ ใช่ เป็นต้น และจะมีพัฒนาการต่อเรื่อยๆ เช่นพูด 2-4 คำต่อประโยคจนมาถึงการพูดเป็นประโยคและเล่าเรื่องให้ผู้ใหญ่ฟัง แล้วคุณพ่อคุณแม่จะทราบได้อย่างไรว่าลูกๆ นั้นมีพัฒนาแต่ละด้านอย่างสมวัย? 

ตรวจสอบพัฒนาการแต่ละช่วงวัยของลูก


          สำหรับเด็กบางคนที่มีพัฒนาการทางภาษาล่าช้า อาจจะมีปัญหาในการสื่อสารหรือไม่เข้าใจสิ่งที่คนอื่นพูดทำให้เด็กเกิดอาการพูดช้า พูดไม่ชัด หรือทำตามคำสั่งไม่ได้ แล้วพัฒนาการทางภาษาล่าช้าในเด็ก คืออะไรกันนะ?
          พัฒนาการล่าช้าทางภาษาในเด็ก หรือ Language Delay คือความผิดปกติทางการสื่อสารภาษาและความหมายอย่างหนึ่ง ซึ่งอาจจะเกิดได้จากการที่ทักษะทางด้านใดด้านหนึ่งหรือหลายๆด้านของเด็กนั้นยังพัฒนาได้ไม่เต็มที่ตามวัยของเขา เช่น ทักษะการฟัง (listening skill), ทักษะการพูด (speech skill), ทักษะพื้นฐานทางด้านสมอง (cognitive skill) โดยแบ่งได้เป็น 2ประเภทคือ 

  1. Expressive language คือ ความสามารถในการแสดงออกทางภาษาผ่านการมองเห็นและผ่านการได้ยินโดยการพูด
  2. Receptive language คือ ความสามารถในการเข้าใจ การอ่านและการฟัง การรู้ภาษาที่ผู้อื่นแสดงออกมาผ่านการมองเห็น คือ เข้าใจภาษาท่าทาง สัญลักษณ์ต่างๆ 

          ซึ่งเด็กที่มีพัฒนาการล่าช้าทางภาษาอาจจะมีปัญหาทางการแสดงออกทางภาษาหรือมีปัญหาความไม่เข้าใจภาษาเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสองอย่างก็ได้ และการพัฒนาการล่าช้าทางภาษาในเด็กนั้นค่อนข้างเกิดขึ้นบ่อยในปัจจุบัน ไม่ใช่แค่อาการลูกพูดช้าเพียงอย่างเดียว โดยส่วนใหญ่จะส่งผลกระทบต่อเด็กๆ ในวัยก่อนเข้าโรงเรียน แต่อะไรที่ทำให้ลูกๆ มีพัฒนาการทางภาษาล่าช้ากันละ เรามาดูที่สาเหตุกันดีกว่า...
 

     สาเหตุของการล่าช้าทางพัฒนาการภาษา

การที่ลูกพูดช้าหรือพัฒนาการล่าช้าทางภาษาในเด็กเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ และในบางกรณีอาจจะมีปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วย สาเหตุที่พบได้บ่อยก็อย่างเช่น

  • การได้ยินผิดปกติ (Hearing Impairment) 
  • ความบกพร่องทางการเรียนรู้ (Learning Disability) 
  • การเลี้ยงดูที่ไม่เหมาะสม ขาดการกระตุ้นจากสิ่งแวดล้อม
  • ความบกพร่องทางปัญญา (Intellectual Disability)
  • พัฒนาการทางภาษาผิดปกติ
  • ออทิซึ่ม (Autism)
  • สาเหตุอื่นๆ

 

     ลูกพูดช้า พัฒนาการภาษาล่าช้า ทำอย่างไรดี?

หลังจากการสังเกตพัฒนาการแต่ละช่วงวัยที่เหมาะสมของลูกแล้ว ถ้าพบว่าลูกน้อยมีพัฒนาการล่าช้าตามช่วงวัยของเขา คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรที่จะนิ่งเฉยหรือละเลยสัญญาณเตือนเหล่านั้น สำหรับคุณผู้ปกครองที่กำลังกังวลว่าลูกพูดช้าแล้วจะทำอย่างไร วันนี้ BrainFit Studio มีคำแนะนำเกี่ยวกับการช่วยเหลือเด็กที่มีพัฒนาการทางภาษาล่าช้ามาฝากกัน

          1. ตรวจประเมินเพื่อหาสาเหตุ

          การสังเกตพัฒนาการอย่างเดียวอาจจะยังไม่เพียงพอต่อการระบุว่าลูกของเรามีปัญหาพัฒนาการล่าช้าหรือไม่ จึงควรพาลูกไปพบแพทย์และรับการการตรวจประเมินตามขั้นตอน เพื่อให้การรักษาที่ตรงกับสาเหตุ แต่ส่วนใหญ่จะเกิดจากการที่ทักษะพื้นฐานด้านสมองของลูกยังไม่แข็งแรง เพราะฉะนั้นการส่งเสริมการเรียนรู้ให้สมวัยผ่านกิจกรรมในชีวิตประจำวันก็มีส่วนช่วยเช่นกัน

 

          2.ทำกิจกรรมที่เอื้อต่อพัฒนาการทุกด้านของเด็ก

          สาเหตุที่กล่าวมาข้างต้นอาจจะไม่ใช่ต้นเหตุของพัฒนาการทางภาษาล่าช้าเสมอไป การเลี้ยงดูก็เป็นปัจจัยสำคัญต่อพัฒนาการของลูกๆ เช่นกัน บางบ้านไม่ค่อยพูดคุยกับลูก ปล่อยให้ดูโทรศัพท์เป็นเวลานานๆ หรือไม่ค่อยได้ทำกิจกรรมร่วมกันเท่าไหร่ สิ่งเหล่านี้ล้วนมีผลต่อพัฒนาการของเด็ก คุณพ่อคุณแม่จึงควรหากิจกรรมที่ส่งเสริมการเรียนรู้ด้านต่างๆ เช่น การเล่นผ่านกิจกรรม เล่นกีฬา การเล่านิทาน การพูดคุยกับเด็ก ไม่ให้ดูโทรทัศน์หรือโทรศัพท์มากเกินไป หรือกิจกรรมส่งเสริมพัฒนาการต่างๆ ซึ่งที่สถาบัน BrainFit ของเรา มีคอร์สกิจกรรมที่ส่งเสริมพัฒนาการทางสมองทั้ง 5 ด้านอย่างเข้มข้นและเห็นผลได้รวดเร็วให้กับเด็กๆ ตั้งแต่อายุ 3-18 ปี ผ่านตัวกิจกรรมที่สนุกและเหมาะกับช่วงวัย


          3.ส่งเสริมพัฒนาการด้านภาษาอย่างสม่ำเสมอโดยเฉพาะทักษะการฟัง

          เพราะถ้ารากฐานแข็งแรงตัวบ้านก็จะมั่นคง เช่นเดียวกันกับทักษะพื้นฐานอย่างการฟัง เป็นทักษะที่สำคัญที่สุดและเกี่ยวข้องกับพัฒนาการหลายๆ ด้าน ถ้าเด็กๆ ไม่สามารถฟัง จำ แยกเสียง ประมวลผล เรียบเรียงเหตุการณ์ได้ การสื่อสารหรือถ่ายทอดออกมาผ่านการอ่าน พูด หรือเขียน ก็จะเป็นเรื่องที่ยากสำหรับเด็ก 
          สถาบัน BrainFit มีหลักสูตรและโปรแกรมที่ได้รับการวิจัยจากนักประสาทวิทยาระดับโลกมามากกว่า 30 ปี จากประเทศอเมริกา และมีประสิทธิภาพอย่างมากในการพัฒนาสมองส่วนที่ใช้วิเคราะห์และพัฒนาภาษา ไม่เพียงเท่านั้นยังส่งเสริมในเรื่องความจำ (memory), สมาธิ (Attention), การประมวลผล (Processing), การเรียบเรียงเหตุการณ์ (Sequencing) รวมไปถึงการเรียนรู้ภาษาอังกฤษอย่างเป็นธรรมชาติอีกด้วย 
   

          4.ตรวจหาและรักษาความผิดปกติที่พบร่วม

          ยกตัวอย่างเช่น ยุกยิก อยู่ไม่นิ่ง ขาดสมาธิ ความสัมพันธ์ระหว่างตาและมือ (Eyes-Hands Coordination) ทักษะทางสังคม และปัญหาการเรียนรู้ ก็อาจเป็นปัจจัยร่วมที่ทำให้พัฒนาการทางภาษาล่าช้า ซึ่งส่งผลต่อการเข้าสังคม การเรียนรู้และปัญหาเรื่องอารมณ์ เป็นต้น 

 

          เพราะเราไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขพัฒนาการในช่วงวัยที่ผ่านมาของลูกได้ แต่ยังไม่สายเกินไปที่จะเติมเต็มพัฒนาการเหล่านั้น สถาบัน BrainFit สามารถช่วยฝึกทักษะสมองรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านการเคลื่อนไหว ควบคุมทรงตัว พัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กมัดใหญ่และกล้ามเนื้อตา เพื่อส่งเสริมพัฒนาการทางภาษาล่าช้าในเด็กอย่างเข้มข้น ตรงจุดและเห็นผลในระยะเวลาอันสั้น แล้วการเรียนรู้จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ติดต่อเพื่อรับคำปรึกษาและทดลองเรียนฟรีได้ที่ โทร 02-656-9938-9 หรือ LINE: @brainfit_th (มี@)

 



 

 

อ้างอิง 

http://haamor.com/th/เด็กพัฒนาการภาษาล่าช้าหรือพูดช้า/
https://www.samitivejhospitals.com/th/พัฒนาการทางภาษาล่าช้า/

Contact Us

If you would like to have your child attend our course, or you would simply like more information, please contact us today.

BrainFit Studio Thailand 2nd floor, Ploenchit Center,
Sukhumvit Soi 2, Bangkok 10110BTS Ploenchit Station Exit 4