เด็กซนคือเด็กฉลาด จริงหรือไม่?

 

 

เด็กซน คือเด็กฉลาด จริงหรือไม่?

 

เพิ่มเพื่อน

 

 

หลายคนคงเคยได้ยินกันมาบ่อย ๆ อาจจะตั้งแต่เด็กเลยก็ว่าได้กับคำพูดที่ว่า "เด็กซนคือเด็กฉลาด" ซึ่งคำพูดนี้นั้น มีทั้งส่วนที่เป็นความจริงและส่วนที่ไม่เป็นความจริงผสมอยู่รวมกัน

 

เพราะอาการซนนั้นเป็นเรื่องธรรมชาติของเด็ก เนื่องจากวัยเด็กนั้น เป็นวัยที่มีความอยากรู้อยากลอง การที่เด็กได้วิ่งเล่นซุกซน พูดคุยถามไถ่ในสิ่งที่อยากรู้จะเป็นการช่วยให้เด็กได้เรียนรู้โลกได้มากขึ้น ต่หากว่าเด็กคนไหนมีอาการวิ่งเล่นซุกซนที่มากผิดปกติ ไม่สามารถที่จะอยู่นิ่ง หรือจดจ่อกับสิ่งใดได้เลย นั่นอาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าเด็กคนนั้น อาจมีอาการของ สมาธิสั้น ได้

 

 

แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรหล่ะ ว่าเด็กคนนั้นแค่ซนปกติตามวัย หรือว่าเป็นอาการของการเกิดสมาธิสั้น.....

 

ไปทำความเข้าใจกับอาการ สมาธิสั้น พร้อมทั้งวิธีการสังเกตอาการเหล่านี้กันเลย!!!

 

 

อาการของเด็กสมาธิสั้น

สามารถแบ่งออกเป็นได้ 3 กลุ่ม คือ

1. ขาดสมาธิ

เด็กที่อยู่ในกลุ่มนี้จะไม่สามารถจดจ่อ ทำอะไรได้นาน ๆ จะเหม่อลอย หลงลืม สังเกตเด็กในกลุ่มนี้ได้จาก เมื่อเวลาที่ครูสอน เด็กจะมีอาการเหม่อลอย ไม่ฟังครู หรือหากว่าผู้ปกครองสอนอะไรเด็ก เด็กจะไม่ฟัง หรือเมื่อเด็กทำอะไร ก็จะไม่สามารถจดจ่อกับสิ่งนั้นได้นาน ๆ

2. ซนมาก และอยู่ไม่นิ่ง

เด็กจะ ไม่สามารถอยู่นิ่ง ๆ ได้ จะปีนป่าย และชอบวิ่งไปวิ่งมา ไม่อยู่เฉย ๆ

3. ใจร้อน หุนหันพลันแล่น

เมื่อเด็กในกลุ่มนี้โกรธ เสียใจ มีความผิดหวัง ไม่ได้ดั่งใจ จะไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ และจะแสดงอารมณ์ออกมาอย่างรุนแรง

 

 

สังเกต เด็กซน ที่เข้าข่ายจะเป็นเด็กสมาธิสั้น สังเกตได้จาก

สามารถสังเกตเด็กที่ซนมาก ได้จาก เด็กที่อยู่ไม่นิ่ง ชอบขยับตัวอยู่ตลอดเวลา ไม่สามารถจดจ่ออะไรได้ เป็นเวลานาน ๆ  จะไม่มีสมาธิในการเรียน เขียน หรืออ่าน  

จะวัดว่าเด็กมีอาการสมาธิสั้นได้อย่างไร สังเกตได้จาก เมื่อเด็กเรียนหรือทำการบ้าน จะไม่สามารถจดจ่อกับอะไรได้เลย ไม่ฟังเมื่อครูสอน สำหรับการเล่นเกม หรือดูโทรทัศน์นั้น ไม่นับ เพราะว่ามันมีทั้งสื่อและเสียงให้ความน่าสนใจ

 

 

หากว่าเป็นสมาธิสั้นตอนเด็กแล้วนั้น เมื่อโตขึ้น อาการสมาธิสั้น จะหายหรือไหม

โดยปกติทั่วไป เด็กที่มีอาการสมาธิสั้น จะทุเลาลงเมื่อเป็นผู้ใหญ่ประมาณ 1 ใน 3 แต่อีก 70 เปอร์เซนต์ ก็จะยังมีอาการแทรกซ้อน

และในกลุ่มวัยรุ่นที่เป็นโรคสมาธิสั้นนั้นจะมีปัญหาค่อนข้างมาก เพราะจะยากต่อการปรับตัวให้เข้ากับกลุ่มเพื่อน ๆ 

 

 

แก้ปัญหาเด็กสมาธิสั้น จากต้นเหตุ

 

ได้มีการวิจัยจากนักวิทยาศาสตร์มากมายจากทั่วโลก เกี่ยวกับอาการขาดสมาธิ หรืออาการสมาธิสั้นในเด็ก ซึ่งผลจากการวิจัยชี้ให้เห็นว่า อาการสมาธิสั้น เป็นเพียงอาการปลายเหตุ เพราะต้นเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการเหล่านี้คือความบกพร่อง ที่อาจเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อย ของพัฒนาการบ้างด้าน เช่น พัฒนาการด้านการมอง การเคลื่อนไหว หรือการฟังเพียงด้านใดด้านหนึ่ง หรือหลายด้านรวมกัน ซึ่งความบกพร่องนี้จะเกิดขึ้นแตกต่างกันในเด็กแต่ละคน

 

ดังนั้นถ้าหากต้องการแก้ไข หรือลดอาการสมาธิสั้นในเด็กจากต้นเหตุ เราก็สามารถแก้ไขได้ด้วยการฝึกพัฒนาการ นั่นเองค่ะ เมื่อพัฒนาการแต่ละด้านของเด็ก ๆ แข็งแรงสมวัย พวกเขาก็จะมีความพร้อมในการจดจ่อเพื่อเรียนรู้สิ่งใหม่ในอนาคตข้างหน้าได้ดีขึ้น!!

 

  

 

✨ คอร์ส ปิดเทอม 2566 สำหรับนักเรียนที่ปิดเทอม ช่วง June-August 2023 ✨

พบกันที่ BrainFit

 

 

สอบถามเพิ่มเติม หรือ ทดลองเรียน ฟรี!

02-656-9938 / 02-656-9939 

02-656-9915 / 091-774-3769

LINE Official Account: @brainfit_th

เพิ่มเพื่อน

Contact Us

If you would like to have your child attend our course, or you would simply like more information, please contact us today.

BrainFit Studio Thailand 2nd floor, Ploenchit Center,
Sukhumvit Soi 2, Bangkok 10110BTS Ploenchit Station Exit 4